หัวล้าน ผมบาง ร่วง “ฉบับรูปภาพ” สาเหตุ วิธีรักษาต่างๆ ยารักษาผมร่วง
โดย: นายแพทย์สิทธิพงศ์ ฬาพานิช (หมอเตี๋ยว หมอกวยเตี๋ยว )
ปัญหาเรื่องเส้นผมนั้น เป็นปัญหาโลกแตกครับ ยิ่งกับผู้ชาย ในยุคสมัยที่ความสวยงามเป็นหน้าตา แน่นอนว่า ผมคือส่วนสำคัญของหน้าตา แต่ปัจจุบัน พบว่า ปัญหาผมร่วงผมบางไม่ได้เกิดแต่ในผู้ชาย ที่อายุเกิน 35 ปี แต่พบได้ใน ทั้งผู้หญิง ผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 10 ปลายๆ ครับ
ผมว่าใครที่พบปัญหานี้ ก็อยากทำให้มันหายกันทั้งนั้น แต่ไอ้ครั้นจะทำให้มันหายเนี่ย เราต้องเข้าใจมันก่อนนะครับ เลยจะนำภาพประกอบ กับข้อความง่ายๆสั้นๆ ที่คนทั่วไปก็เข้าใจง่าย มาเขียนให้ทราบกันครับ
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-02.jpg)
ถ้าเรามาดูว่า คนดังๆอย่าง คานธี , บรูซ วิลลิส , ไมเคิล จอร์แดน , โซเครติส แม้แต่ อาจารย์ เมสวินดู ในสตาร์วอร์ส หรือฟิล ดคลสัน ในเอเย่นชิลล์ ล้วนแต่มีลักษณะ เหมือนกัน คือหัวล้าน ใช่ครับ หัวล้านนี่ล่ะ
ในสมัยก่อน คนหัวล้านมักเป็นสัญญลักษณ์ของความฉลาดครับ เพราะ อย่างที่ทราบคือ โซเครติส หนึ่งในคนที่ฉลาดที่สุดก็หัวล้านครับผม ดังนั้นคนศีรษะล้านเป็นสิ่งที่เห็นมานานนม แม้เเต่ยุคโบราณครับ เพราะมันสัมพันธ์กััับพันธุกรรม และ ฮอร์โมน ครับ
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-03.jpg)
มนุษย์เรามีบันทึกไว้ตั้งแต่โบราณว่า พยายามหาสาเหตุว่าทำไมหัวถึงล้าน ผมถึงร่วง ถึงบาง มาตั้งเเต่มีวิวัฒนาการการจดบันทึก จนถึงปัจจุบัน เราก็ประสบความสำเร็จที่พบว่า ผมร่วงนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากกรรมพันธ์ ประกอบกับ ระดับฮอร์โมนบางตัวครับเป็นสาเหตุหลัก
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-04.jpg)
เจ้าฮอร์โมนตัวนั้นคือ testosterone ซึ่งเจ้าฮอร์ดมนตัวนี้จะถูกเปลี่ยน แปลงตัวเองโดยเอนไซม์ ชื่อ 5α-reductase ( 5 เอาฟ่ารีดักเตส หรือ 5-AR) กลายเป้น ฮอร์โมนชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone ที่จะมีผลต่อผมล้านร่วง ซึ่งจะอธิบายอีกทีครับ
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-05.jpg)
เจ้าฮอร์โมน DHT นี่ล่ะครับที่จะไปจับกับผมกระตุ้นให้ผม (ทำลาย) เกิดการย่อตัว ไม่เจริญเติบโต พูดง่ายๆคือ กระตุ้นให้รากผมหยุดทำงานแล้วผมเกิดการย่อตัวเล็กลงเรื่อยๆครับ เพราะปุ่มผมนั้นอ่อนไหว พอโดน DHT เข้าไปก็สั้นเเละบางลง การเกิดนี้ 95% ของคนหัวล้านหรือศีรษะล้าน ในผู้ชาย นั้น สัมพันธ์ุกับกรรมพันธ์
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-06.jpg)
การเกิดการย่อตัวของผมนั้นค่อยๆเกิดไปเรื่อยๆตามมาตรวัดที่เรียกว่า Norwood scale (ซึ่งบอกความรุนเเรงของผมร่วง)
ย้อนกลับมาที่สภาวะปกติของผมของคนเรา ปกติแล้วนั้น คนเรามีผมที่ศีรษะทั้งหมดประมาณ 100,000 -150,000 เส้น เมื่อคำนวณหารเฉลี่ยเล้วจะพบว่า 1 ตารางเซนติเมตรของหนังศีรษะจะมีผมประมาณ 100 เส้น คนปกติผมจะร่วงได้ประมาณ 100 เส้นต่อวัน หรือ 200 เส้นต่อวันในกรณีที่สระผม
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-07.jpg)
ผมของคนเรานั้น มีกำเนิดมาจาก เคราติน <keratin> ซึ่งก็คือ ส่วนที่เหลือจากเซลล์ในร่างกายที่ตายเเล้วมีเศษโปรตีนเหลือออกมาครับ แล้วโครงสร้างที่ทำให้ผมโตขึ้นก็คือ ปมหรือปุ่ม หรือ ปุ่มรากขน ที่ดันให้ขนยาวไปเรื่อยๆ เรียกว่า hair follicle และ hairshaft
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-08.jpg)
ขนหรือผมนั้นมีการเติบโตเป้น 3 ระยะ คือ anagen คือระยะเติบโต คิดเป็น 90 % ของผม ซึ่งโดยปกติจะยาวขึ้นประมาณ 1 เซนติเมตร ต่อเดือน ครับ แต่ถ้าคนที่นวดหรือสระผมบ่อยๆ สามารถยาวได้มากขึ้นกว่านั้นมากครับ ขนระยะนี้อยู่ประมาณ 2-7 ปี แล้วร่างกายจะมีสัญญาณส่งมาให้ปุ่มขนเข้าสู่ระยะใหม่
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-09.jpg)
ที่เรียกว่า catagen หรือระยะถดถอย ปุ่มรากขนจะหดตัวเล็กและสั้นลง จนขาดเส้นเลือดไปเลี้ยงทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่ากระเปาะขน พร้อมที่จะร่วงออกไป เข้าสู่ระยะที่สามที่เรียกว่า Telogen หรือระยะพักประมาณ 10 สัปดาห์ คิดเป็น 5-15% ของผม ซึ่งในช่วงนี้สามารถร่วงได้ถึง 150-200 เส้นต่อวันเลยทีเดียวนะครับ
นอกจากกรรมพันธุ์ ความเครียดนานๆ การให้เคมีบำบัด ภาวะท้อง หรือหลังคลอดบุตร ร่างกายจะมีการส่งสัญญาณกดปุ่มรากขนให้เข้าสู่ระยะพัก telogen ก่อนเวลาสมควร หรืออาจทำให้ปุ่มรากขนเสียความสามารถในการเข้าสู่ระยะ anagen หรือระยะเติบโต
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-10.jpg)
ต่อมาวิวัฒนาการทางด้านการวิจัยและการเเพทย์ พบว่า คนที่หัวล้านนั้นยังมีรากปุ่มขนอยู่เพียงแต่มันไม่เจริญเติบโตมาเป็นระยะ Anagen ทำให้เกิดการพัฒนายามารักษากระตุ้นให้ปุ่มรากขนนั้นเจริญเปลี่ยนเป็นขนระยะเติบโต หรือ แอนนาเจน หรือไปลดการเกิดของ DHT ที่จะมาทำลายขนหรือผม
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-11.jpg)
และยังพบอีกว่า ผมบริเวณใต้ขมับลากยาวมาด้านท้ายทอยเป็นรูปตัว U หรือเกือกม้า ไม่ตอบสนองต่อการทำลายของ DHT คือเป็นส่วนผมที่เเข็งแรง แถมยังพบว่า ถ้าเราตัดเอาผมบริเวณนั้นมาเเปะที่บริเวณอื่น ผมที่มาจากบริเวณนี้ก็ไม่หลุดร่วงไปตามฮอร์โมน
ดังนั้นยาทาในการรักษาผมร่วงหรือปลูกผม ที่เราควรรู้จักได้แก่
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-12.jpg)
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-13.jpg)
– Minoxidil lotion กลไกของยาตัวนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด เเต่เชื่อว่า มันไปขยายหลอดเลือดที่มาเลี้ยงปุ่มรากขน กับกระตุ้นการสร้างผมโดยตรง แต่ยาตัวนี้สามารถแพ้ได้นะครับโดยทั่วไปอาจแพ้ตัว minoxidil โดยตรงเลยหรือ ตัวทำละลายที่ผสมในโลชั่น ชื่อ propylene glycol ดังนั้น ยายุคใหม่มักเป็นส่วนผสมของ milk เป็นหลัก
-ยา finasteride จะยับยั้ง เอนไซม์ 5 อัลฟ่ารีดักเตส แต่ยาตัวนี้มีผลข้างเคียงคือ สมรรถภาพทางเพศจะลดลงได้ ซึ่งพบได้ประมาณ 2-10 %
-Zinc จะช่วยบำรุงเสริมการสร้างเส้นผม
-บางครั้งใช้การสักสีให้เหมือนตอเส้นผมในคนที่ไม่พร้อมจะผ่าตัดหรือไม่เหมาะสมจะผ่าตัด
โดยทั่วไป ถ้าเป็นผมร่วงไม่มากหรือล้านไม่มากจะใช้แค่ยาทา ถ้าเป็นมากขึ้น ตามระยะที่ 4-7 จะใช้ยากิน แต่ถ้าเป็นมากๆหรือทานยามา 1 ปี แต่ไม่ีขึ้นจะให้ทำการผ่าตัดปลูกผม
วิธีผ่าตัด มี 2 วิธีมาตรฐานคือ
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-14.jpg)
1. นิยมตัดหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย มาทั้งแผ่นแล้วนำมาตัดผ่านกล้องจุลทรรศน์ ให้เป็นช่อๆ หรือที่เรียกว่ากอ โดย 1 กอ จะมีผม 1-3 เส้น แต่วิธีนี้จะมีเเผลบริเวณผ่าตัด
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-15.jpg)
2. วิธีผ่าตัดแบบไร้แผล วิธีนี้ไม่ต้องตัดหนังศีรษะมาทั้งแผ่น แต่จะใช้ตัวเจาะเจาะมาทีละกอ ดูดออกมา เราเรียกวิธีนี้ว่า FUE (Follicular Unit Extraction) แต่วิธีนี้ไม่ได้ไม่มีแผลเลยนะครับ เราะรอยเจาะจะมีเเผลเล็กๆแค่ไม่มีแผลเย็บผ่าตัดใหญ่เท่านั้น การปลุกผมโดยเอาผมส่วนท้ายทอยมาใช้นั้นมักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีมากๆเพราะว่า ผมส่วนนี้ไม่ตอบสนองต่อ ฮอร์โมน DHT ที่ทำให้ผมร่วงหรือเข้าสู่ระยะพักครับ
![](https://bearchick.com/test2/wp-content/uploads/2020/03/blog-06-16-1.jpg)
Q : เเล้วจะเลือกรักษาที่ไหนดี เลือกยังไง?
A : หลักการสำคัญก็เหมือนเคย ควรเลือกเเพทย์ที่ดี ที่น่าเชื่อถือ มีวุฒิ ไม่เอาเเต่ชักเเม่น้ำขายของ เพราะผมว่าจะหาได้ยากนะครับที่คุณจะเดินเข้าคลินิกเขา เเล้วเขาบอกว่าทำไม่ได้ หรือเครื่องมือที่เขามีไม่เหมาะกับคุณ
ดังนั้นถ้าเเพทย์ที่ดี ที่น่าเชื่อถือเขาสามารถบอกความจริงเเก่คุณได้ว่าเครื่องมือที่เขามีสามารถรักษาคุณได้จริงไหม ได้ระยะเวลาเท่าไหร่ ไม่ใช่เอาเเต่โม้หรือมั่วไปเรื่อยว่าทำได้ อยูได้เป็นปีอะไรประมาณนี้ เเล้วคุณก็ลองดูเครื่องมือเขาว่าดีจริงไหมเพราะพวกนี้มัน search net ได้อยู่เเล้วว่าผ่าน อย อเมริกาจริงไหม เพราะคลินิคที่ใหญ่ บางครั้งก็อาจจะไม่ได้ใช้เครื่องมาตรฐานเสมอไปครับ
สรุปก็คือดูที่เเพทย์ก่อนเลย ถ้าเเพทย์น่าเชื่อถือ เป็นหมอที่เป็นหมอ ไม่ใช่นักธุรกิจในคราบหมอ คุณจงไปหาเขา ต่อให้เขาอยู่ไกลเเค่ไหนคุณก็ควรไปครับ เพราะสิ่งที่คุณได้นอกจากผลการรักษาที่ดี ที่น่าพอใจ เเล้วยังคุ้มค่ากับเงินที่ต้องเสียไป เเถมไม่มีผลข้างเคียงให้เสียใจเเบบในข่าวครับผม